Tuesday, February 27, 2007

ผลิตภัณฑ์ของแม่ศจี

ผลิตภัณฑ์ของเรามีมากมาย
หลายอย่างให้เลือกซื้อ




ลูกชิ้นแบบต่าง ๆ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดจ้า










*******************************************************************************


ปลากายยอ





**********************************************************************************



ปลาเห็ด หรือ ปลากายทอดมัน


รับรองความสด สะอาด อร่อย ด้วยเครื่องมือการผลิตที่ทันสมัย

กิจกรรมออกบูธ



กิจกรรมออกบูธ ในสถานที่ต่างๆ เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และเป็นการร่วมงานที่ทาง OTOP จัดขี้น คุณแดง ธัญญา โสภณ ดารานักแสดงถ่ายรูปคู่กับคุณแม่ศจี

ลูกค้ารอของอร่อย ต้องการรส..จัด แซบ ไม่แซบ บอกได้ เดี๋ยวจัดให้
เจอเราทุกงานจ้า

ถ่ายทำกันชนิดไม่ปล่อย...เลยน่ะ!
เด็กมือยำลูกชิ้น...รสแซบ ออกบูธที่ แฟรี่แลนด์
คุณธัญญา โสภณ ชิมแล้วบอกว่าอร่อยมาก
ออกบูธ ตอนปลายปี ของ otop เมืองทองธานี
ธิดาช้าง เป็นขาประจำของที่ร้านแม่ศจี ร้านแม่ศจีไปออกงานที่ไหน.....ต้องเจอะเจอธิดาช้างที่น่ารัก มาเยี่ยมทักทายตลอดมา.......ด้วยรัก
ดารานักแสดง มาทักทาย โปรโมตให้ แม่ศจี เต็มที่ เพราะความอร่อย นะจ้ะบอกให้
ลูกค้าออ..กันทานยำลูกชิ้น...แม่ศจี รสแซบ ออกบูธ ที่ ม.ราชภัฏนครสวรรค์ แซบ อร่อย

Monday, February 26, 2007

การรับประกันมาตรฐาน


สินค้าเราผ่านการประกันมาตรฐานโดย

ฮาลาล

อย.

อาหารปลอดภัย
เปิบพิสดาร
OTOP

GMP

มาตรฐานอาหารฮาลาลปัจจุบันในตลาดโลกมีผู้บริโภคที่เป็นมุสลิมอยู่ประมาณ 2,000 ล้านคนการค้าขายจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางที่จะเข้าไปมีส่วนแบ่งในตลาดอาหารจากประเทศที่มีชาวมุสลิมให้มากขึ้น ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศทีผลิตอาหารที่สำคัญของโลก ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องให้ความสนใจในเครื่องหมายนี้อย่างจริงจัง ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเรียนรู้ และอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจอย่างถูกต้องเพื่อเตรียมความพร้อมของการผลิต สร้างฐานที่แข็งแกร่งให้กับประเทศต่อไปข้อแนะนำในการดำเนินการสำหรับการใช้คำ " ฮาลาล " (Halal) หรือการอวดอ้างใช้คำฮาลาลบนฉลากอาหาร
Codex ได้จัดทำเอกสาร General Guideline for use of the Term " Halal " ตั้งแต่ปี 2540 และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม(สมอ.) ได้นำมาเรียบเรียงและจัดพิมพ์เป็นภาษาไทยโดยได้ยึดหลัก และอ้างอิงเอกสารภาษาอังกฤษดังกล่าว มอก.1701-2541 ZCAC GL- 24/1997) ข้อแนะนำนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ประเทศต่าง ๆ มีความเข้าใจที่ตรงกัน และมีการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎของศาสนาอิสลาม ทั้งทางด้านแหล่งที่มาของอาหาร วิธีการฆ่าสัตว์ การเตรียมอาหาร การแปรรูปอาหาร การบรรจุหีบห่อ การขนส่งและการเก็บรักษาอาหารอีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการค้ากับประเทศมุลลิมที่กำหนดมาตรการนำเข้าอาหารฮาลาล

เกณฑ์กำหนดสำหรับการใช้คำว่าอาหารฮาลาล

อาหารที่ถูกต้องตามกฎคำ ฮาลาล จะใช้สำหรับอาหารที่ได้พิจารณาแล้วว่าถูกต้องตามกฎภายใต้บทบัญญัติศาสนาอิสลามจะถือว่าแหล่งอาหารทั้งหมดถูกต้องตามกฎ ยกเว้นแหล่งอาหารต่อไปนี้
1.อาหารที่ได้จากสัตว์

(1) หมูและหมูป่า
(2) สุนัข งู และลิง

(3) สัตว์ทีกินเนื้อเป็นอาหารที่มีเขี้ยวและกรงเล็บ เช่น สิงโต เสือ หมี และสัตว์อื่นที่คล้ายกัน

(4) นกกินเหยื่อที่มีกรงเล็บ เช่น นกอินทรี นกแร้งและนกที่คล้ายกันอื่น ๆ

(5) สัตว์ทำลาย เช่น หนู ตะขาบ แมลงป่อง และสัตว์ที่คล้ายกันอื่น ๆ
(6) สัตว์ที่ห้ามฆ่าในศาสนาอิสลาม เช่น มด ผึ้ง และนกหัวขวาน
(7) สัตว์น่ารังเกียจโดยทั่วไป เช่น เห็บ หมัด ไร เหา แมลงวัน หนอน และสัตว์ที่คล้ายกันอื่น ๆ
(8) สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ จระเข้ และสัตว์ที่คล้ายกันอื่น ๆ
(9) ล่อและลาทีเป็นสัตว์เลี้ยง

(10) สัตว์น้ำมีพิษและเป็นอันตรายทุกชนิด

(11) สัตว์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ฆ่าถูกต้องตามกฎศาสนาอิสลาม


(12) เลือด(โลหิต)

2. อาหารที่ได้จากพืช พืชที่มีพิษและเป็นอันตราย ยกเว้นเมื่อสารพิษและอันตรายได้ถูกกำจัดออกระหว่างกระบวนการผลิตแล้
3. เครื่องดื่ม
(1) เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

(2) เครื่องดื่มทุกชนิดที่มีพิษและอันตราย

4. วัตถุเจือปนอาหารวัตถุเจือปนอาหารมีที่มาจากทั้ง 3 แหล่งข้างต้นตามข้อ 1, 2 และ 3
วิธีการฆ่าสัตว์ สัตว์บกที่ฆ่าถูกต้องตามกฎศาสนาอิสลามการฆ่าควรต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดสุขลักษณที่ดีของเนื้อสดที่โคเด็กซ์แนะนำ (Codex RecommendedCode of hygienic practice for Fresh Meat) และตามข้อกำหนดต่อไปนี้


1. คนฆ่าสัตว์ควรต้องเป็นมุสลิม ผู้ยึดมั่นในหลักการอิสลามอย่างเคร่งครัด และมีความรู้ในวิธีการฆ่าสัตว์ตามหลักการของศาสนาอิสลาม

2. สัตว์ที่ถูกฆ่าควรถูกต้องตามกฎของศาสนาอิสลาม

3. สัตว์ที่ถูกฆ่าควรเป็นสัตว์ที่มีชีวิต หรือเชื่อว่ายังมีชีวิต ณ เวลาที่ฆ่าสัตว์นั้น

4. ก่อนที่จะฆ่าสัตว์แต่ละตัวควรกล่าวคำว่า " บิสมิลล่า " (ในนามของอัลเลาะห์พระผู้เป็นเจ้า) อย่างทันทีทันใด

5. อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ฆ่าควรต้องมีความคม และไม่ยกออกจากตัวสัตว์ในระหว่างการฆ่า


6. การฆ่าสัตว์ควรต้องตัดหลอดลม หลอดอาหาร เส้นเลือดแดงใหญ่ และเส้นเลือดดำใหญ่ที่คอให้ขาด
การเตรียม การผลิต การบรรจุหีบห่อ การขนส่ง และการเก็บรักษา ให้เป็นไปตามบทบัญญัติศาสนาอิสลาม และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับสุขลักษณะอาหารของโคเก็กซ์ (Codex General Principles on Food Hygeinic) และมาตรฐานอาหารของโคเด็กซ์เรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย จะเห็นได้ว่าการที่ผู้ประกอบการจะได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมารับรองอาหารฮาลาลได้นั้น จะต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ กระบวนการผลติตั้งแต่เริ่มต้นถึงสิ้นสุดตลอดห่วโซ่การผลิต นอกจากจะต้อง " ฮาลาล" (Halal) ซึ่งมีความหมายว่า "ถูกต้องตามกฎ หรือการอนุญาต" แล้วสุขลักษณะที่ดีของการผลิตอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งยวดเพราะการค้าในโลกปัจจุบัน ต้องปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ซึ่งเน้นความปลอดภัยของอาหาร และ GMP, HACCP หรือระบบการจัดการ ด้านคุณภาพ ISO โดยเฉพาะระบบ HACCP เป็นระบบหนึ่งที่อิงหลักการทางวิทยาศาสตร์ และได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นระบบควบคุมความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารได้อย่างแท้จริง ระบบการควบคุมคุณภาพมาตรฐานนี้จึงได้นำมาใช้ควบคู่กันกับการผลิตอาหารฮาลาลเพื่อเป็นหลักประกันความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สร้างความมั่นใจในตัวสินค้า และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาด ดังนั้นการที่จะผลิตอาหารเพื่อให้ได้ฮาลาล จะต้องปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักการในข้อกำหนดที่กล่าวไว้ข้างต้น ทั้งทางศาสนาและต้องเป็นไปตามข้อกำหนดสุขลักษณะที่ดีของการผลิตอาหารและมาตรฐานสินค้าอาหารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และที่ขาดเสียมิได้นั้นคือ นโยบายภาครัฐที่ให้การสนับสนุนเพื่อให้อุตสาหกรรม อาหารฮาลาลไทยได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของแดนไกล ให้สมกับความมุ่งหมายที่ผลักดันให้ครัวไทยได้เป็นครัวของโลก และหากผู้ขอรับรองฮาลาลประสงค์จะใช้ "เครื่องหมายรับรองฮาลาล " จะต้องดำเนินการกระบวนการผลิตอาหารฮาลาลให้ถูกต้องตามบัญญัติศาสนาอิสลามและระเบียบคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับรองฮาลาล พ.ศ. 2544 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545 โดยผ่านการตรวจสอบ และรับรองจากคณะกรรมการกลางแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดแล้วแต่กรณีก่อน และจะต้องรับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายดังกล่าวจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยก่อน

ความเป็นมาของ GMP

GMP (Good Manufacturing Practice) คือหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีสำหรับการผลิต เป็นการจัดการสภาวะแวดล้อมขั้นพื้นฐานของกระบวนการผลิต เช่น การควบคุมสุขลักษณะส่วนบุคคล การควบคุมแมลงและสัตว์นำโรค การออกแบบโครงสร้างอาคารผลิต รวมถึงเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต เป็นต้น ซึ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข เป็นระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหารขั้นพื้นฐาน (Food Safety Management System) คือ การจัดการเพื่อไม่ให้อาหารก่อผลกระทบทางลบต่อผู้บริโภค เมื่ออาหารนั้นถูกเตรียมหรือบริโภค

เริ่มต้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งได้กำหนดเป็น กฎหมายหลักเกณฑ์ว่าด้วย สุขลักษณะทั่วไปในการผลิตอาหารทุกประเภท จากนั้นก็มีกฎหมาย GMP สำหรับการผลิตอาหารประเภทต่างๆ ตามมา ในปี ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) ได้ประกาศกฎหมาย GMP สำหรับการผลิตอาหารกระป๋องที่มีความเป็นกรดต่ำ (Low Acid Canned Foods; LACF) เนื่องจากอาหารประเภทนี้มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารพิษที่สร้างโดยเชื้อ Clostridium botulinum หากวิธีการผลิตไม่เหมาะสม แนวคิดการประกันคุณภาพด้านความปลอดภัยของอาหารโดยใช้ GMP ได้มีการผลักดันเข้าสู่โครงการมาตรฐานอาหารของ FAO/WHO ซึ่งรับผิดชอบการจัดทำมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ ที่เรียกว่า Codex Alimentarius ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า "Food Code" หรือ "Food Law" Codex ได้ อ้างอิง GMP ว่าด้วยสุขลักษณะทั่วไปของสหรัฐอเมริกา และรวบรวมข้อคิดเห็นจากประเทศสมาชิก จัดทำเป็นข้อแนะนำระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับหลักการทั่วไปว่าด้วยสุขลักษณะอาหาร (Recommended International Code of Practice: General Principles of Food Hygiene) และยังได้กำหนดวิธีปฏิบัติด้านสุขลักษณะ (Code of Hygienic Practice) เฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารประเภทต่างไว้ด้วย นอกจากนี้ Codex ยังได้จัดทำข้อแนะนำ การใช้ ระบบการวิเคราะห์อันตรายและ จุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Point; HACCP) เป็นภาคผนวก หรือ Annex ใน General Principles of Food Hygiene และผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการของ Codex (CAC) เมื่อเดือนมิถุนายน 1997 (พ.ศ. 2540) Codex ได้แนะนำไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดทำระบบ HACCP ให้ได้ผลดี จำเป็นต้องมีการควบคุมสุขลักษณะที่ดี และมีประสิทธิภาพ และขอให้ใช้ข้อแนะนำการใช้ระบบ HACCP ควบคู่กับหลักการทั่วไปว่าด้วยสุขลักษณะอาหารของ Codex ด้วยองค์การการค้าโลก (World Trade Organization; WTO) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อ เมษายน 1994 (พ.ศ. 2537) ได้มีการประชุมเกี่ยวกับการค้าเสรี ของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรกับประเทศสมาชิก คณะกรรมการ Codex ได้มีข้อเสนอความตกลงว่าด้วยการประยุกต์ใช้ มาตรการสุขอนามัยและ สุขอนามัยพืช (Agreement on the Application of Sanitary and Phytosanitary Measures; SPS) และความตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Agreement on the Technical Barriers to Trade;TBT) ประโยชน์ของการจัดทำระบบ GMP
เป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค โดยมีการควบคุมการผลิตในการผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย เน้นที่การป้องกันและขจัดความเสี่ยงที่จะทำให้อาหารเป็นพิษ เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตให้กับโรงงาน ส่งเสริมการค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งได้เปรียบคู่แข่ง มีการวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้ช่วยลดปริมาณของเสีย และสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ พนักงานมีความตระหนักและเกิดความเข้าใจในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับสุขลักษณะอาหาร

การจัดส่งสินค้า

บริการจัดส่งสินค้าด้วยระบบการจัดส่งสินค้าที่ทันสมัยได้มาตรฐาน จึงรับรองได้ว่าสินค้าจะคงความ สด สะอาด อร่อยได้อย่างปลอดภัย

คุณค่าทางโภชนาการของปลา

ปลานั้นเป็นอาหารที่มีความสำคัญ และมีบทบาทในการดำรงชีวิตของคนไทยมานานนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นับว่าคนไทยรู้จักเลือกอาหารจากแหล่งธรรมชาติมาบริโภคได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ปลานั้นเป็นอาหารที่มีคุณค่ามากมายมีคุณค่าโภชนาการสูง มีไขมันต่ำหาง่าย ทำอาหารได้อร่อยหลายอย่าง จึงเหมาะสมสำหรับนำมาประกอบเป็นอาหารของคนทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่ทารกอายุ 4 เดือน ขึ้นไปจนถึง ผู้สูงอายุคุณค่าทางโภชนาการของปลาที่สำคัญ ได้แก่ โปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ

คุณค่าทางด้านโปรตีน ปลาเป็นแหล่งอาหารที่ให้สารโปรตีนที่มีคุณภาพดี กองโภชนาการ กรมอนามัย ได้ทำการวิเคราะห์หาปริมาณและคุณภาพของโปรตีนและไขมันในปลาชนิดต่าง ๆ พบว่า ปลาทู เมื่อเปรียบเทียบ กับปลาอื่น ๆ มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายเทียบกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ ด้วย ปลาทูจะมีสูงกว่าแทบทั้งสิ้น และพบว่าในปลา 20 ชนิด ที่คนทั่วไปนิยมบริโภคมีปริมาณโปรตีนอยู่ระหว่างร้อยละ 14.4-23.0 กรัม โปรตีนในเนื้อปลาจะเป็นโปรตีน ที่ย่อยง่าย เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของทารก เด็กวัยก่อนเรียนและเด็กวัยเรียน ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ เนื้อปลาโดยลักษณะตามธรรมชาติมี เนื้อเยื่อเกี่ยวพันน้อยกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น เมื่อเนื้อปลาสุกจะแยกออกเป็นชิ้น ๆ ตามมัดของกล้ามเนื้อเกี่ยวพัน เนื้อปลา จึงนุ่ม ไม่เหนียวและหดตัวมากเหมือนเนื้อสัตว์อื่น ๆ

คุณค่าทางด้านไขมัน นอกจากคุณค่าทางด้านโปรตีนแล้ว ปลายังมีคุณค่าทางด้านไขมัน เนื้อปลาประกอบด้วย ไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะกรดไลโนเลอิคที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับของโคเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด และการช่วยเร่งการเผาผลาญโคเลสเตอรอลนี้ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดลดลง จึงมีส่วนลดอัตราการตายของโรคหัวใจด้วย นอกจากนี้ยังประกอบด้วยกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวที่มีความ สำคัญต่อร่างกาย 2 ชนิด ได้แก่ กรดอีโดซาเปนทีโนอิด หรือ อี พี เอ ที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์สมอง ปลาจึงเป็นอาหารที่มีคุณค่าต่อสมองอย่างยิ่ง ไขมันที่มีอยู่ในเนื้อปลาเป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่ จะได้จากการกินเนื้อปลา

คุณค่าทางด้านวิตามินและแร่ธาตุ เนื้อปลานอกจากจะให้คุณค่าด้านโปรตีนและไขมันแล้ว ยังให้วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ อีก ซึ่งคุณค่าด้านวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ อีก ซึ่งคุณค่าด้านวิตามิน นั้น เนื้อปลาประกอบด้วยวิตามินบีหนึ่ง บีสอง และไนอะซิน ที่มีความจำเป็นต่อการใช้ประโยชน์ของคาร์บอนโบไฮเดรต ไขมันและโปรตีน ทำให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการประกอบการงานและการเรียนรู้

คุณค่าทางด้านแร่ธาตุ ปลาประกอบด้วยธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสในสัดส่วนที่พอดีต่อการสร้างกระดูกและฟัน มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดโลหิต ป้องกันโรคโลหิตจาง ส่วนปลาทะเลมีธาตุไอโอดีน ซึ่งช่วย ป้องกันโรคคอพอก ปลานอกจากจะให้คุณค่าทางโภชนาการต่อร่างกายแล้วจะต้องเป็นปลาที่ผ่านการประกอบอาหารให้สุกด้วยความร้อน การกิน ปลาดิบ จะให้โทษต่อร่างกาย เนื่องจากปลาดิบมีพยาธิตัวจี๊ดจะไช ไปตามกล้ามเนื้อ ผิวหนังและอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อาหารต่าง ๆ ราคาสูงขึ้น แต่ปลาก็ยังนับว่าเป็นแหล่งอาหารที่ราคาถูกกว่าอาหารอื่น ๆ ที่มีคุณค่าทัดเทียมกัน เพราะคุณค่าสารอาหารโปรตีนในปลามีทั้งคุณภาพและ ปริมาณที่ดีและเหมาะสม มีส่วนนำไปเสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโตและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ซึ่งเสื่อมสลายให้อยู่ในสภาพปกติ ทั้งยังเป็นส่วนประกอบของสารสร้างภูมิคุ้มกันโรคและให้พลังงานแก่ร่างกาย ทั้งยัง เป็นส่วนประกอบของสารสร้างภูมิคุ้มกันโรคและให้พลังงานแก่ร่างกาย การกินปลาเป็นอาหารประจำแทนเนื้อสัตว์ จะมีส่วนช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด ส่วนในเด็กทารก เด็กวัยก่อนเรียนและเด็กวัยเรียน ได้บริโภคปลาเป็นประจำ จะมีผลอันนำไปสู่การมีพลานามัยที่สมบูรณ์และแข็งแรง และที่สำคัญต้องช่วยกันอนุรักษ์ด้วย โดยการไม่จับปลาในฤดูวางไข่หรือจับปลาเล็ก ๆ มากิน เพื่อเราจะได้มีปลาให้ลูกหลานได้

มหัศจรรย์ ป.ปลา อาหารต้านโรค


คุณค่าจากปลา...ราชาของโปรตีน เนื้อหา มหัศจรรย์ ป.ปลา อาหารต้านโรค
1. โปรตีนมีดีที่ย่อยง่ายโดยทั่วไปในเนื้อปลามีโปรตีนประมาณร้อยละ 17 – 23 ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ทำให้ระบบการย่อยอาหารของเราไม่ต้องทำงานหนัก อีกทั้งโปรตีนยังมีประโยชน์ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อหรือส่วนต่างๆ ที่สึกหรอ และเสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโตตามวัยอันควร นอกจากนี้ ปลายังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะไลซีนและทรีโอนิน ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการสมองและการเจริญเติบโตในวัยเด็ก ทั้งยังเป็นส่วนประกอบของสารสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้นอนหลับสนิท สมองทำงานได้ดี ไม่แก่เกินวัย และลดความหิวชนิดรับประทานไม่หยุดได้ โดยถ้าคิดเป็นหน่วยร้อยละ จะมีสูงถึงร้อยละ 92 เมื่อเทียบกับน้ำนมวัวซึ่งมีร้อยละ 91 เนื้อวัวมีร้อยละ 80 และถั่วเหลืองมีร้อยละ 63
2. ไขมันต่ำและเป็นไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายปลายังมีไขมันต่ำ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหรือที่เรียกว่า โอเมก้า3 ซึ่งเป็นไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่เราไม่สามารถสร้างเองได้ นอกจากกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในปลาช่วยป้องกันการสะสมตัวของไขมันอิ่มตัวหรือคอเลสเตอรอล อันเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดอุดตัน ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองแตกได้ กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยในการลดน้ำหนัก ในปี 1999 นักวิจัยออสเตรเลียพบว่า การบริโภคปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอล จะช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลดียิ่งขึ้น บำรุงสมอง ผลวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่า กรดไขมันดีเอชเอ (DHA) ในโอเมก้า 3 มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะในส่วนของความจำและการเรียนรู้ ช่วยลดความเครียดArchives of General Psychiatry ได้รายงานการวิจัย เกี่ยวกับน้ำมันปลา ว่าสามารถลดความเครียดในผู้ป่วยโรคประสาท ที่มักจะอาละวาด ทำให้มีอารมณ์ที่เยือกเย็นลงได้ บรรเทาอาการซึมเศร้า การศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพบว่า การขาดโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสมอง อาจเป็นสาเหตุทำให้คนมีอาการซึมเศร้า สมาธิสั้น และขาดความสามารถในการอ่านหนังสือได้ บรรเทาอาการของโรคไขข้ออักเสบ จากการวิจัยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า น้ำมันปลาช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบ จนสามารถลดการใช้ยาบางส่วนลงได้ ลดการอักเสบของโรคผิวหนัง การศึกษาวิจัยระบุว่า การกินปลาที่มีไขมันมากจะช่วยบรรเทาอาการของโรคผิวหนัง อย่างสะเก็ดเงิน (เรื้อนกวาง) เพราะปลามีวิตามินดีจากกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่มากนั่นเอง ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ จากการวิจัยในปี 1998 พบว่า การบริโภคปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคหัวใจลงได้ นอกจากนั้นจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยโอเรกอนยังระบุว่า ในไขมันปลามีกรดไขมันอีพีเอ (EPA) ซึ่งเป็นกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ลงได้ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดหัวใจด้วยเช่นกันถึงแม้ปลาทุกชนิดจะจัดว่ามีค่าไขมันและพลังงานต่ำกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นแล้ว อย่างไรก็ตาม ชนิดของปลายังมีผลต่อปริมาณไขมันของปลาที่มีอยู่ในเนื้อปลาสด ซึ่งผู้บริโภคควรเลือกทานตามความเหมาะสม เราสามารถจัดแบ่งชนิดของเนื้อปลาสดออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ปลาที่มีไขมันต่ำมาก (น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 กรัมต่อ 100 กรัม) ได้แก่ ปลาไหล ปลากราย ปลานิล ปลากะพงแดง และปลาเก๋า ปลาที่มีไขมันต่ำ (มากกว่า 2-4 กรัมต่อ 100 กรัม) ได้แก่ ปลาทูนึ่ง ปลากะพงขาว ปลาจะละเม็ดดำ และปลาอินทรี ปลาที่มีไขมันปานกลาง (มากกว่า 4-8 กรัมต่อ 100 กรัม) ได้แก่ ปลาสลิด ปลาตะเพียน และปลาจะละเม็ดขาว ปลาที่มีไขมันสูง (มากกว่า 8-20 กรัมต่อ 100 กรัม) ส่วนมากมีเนื้อสีเหลือง ชมพูหรือเทาอ่อน ได้แก่ ปลาช่อน ปลาสวาย ปลาดุก และปลาสำลีนอกจากนั้นแล้ววิธีการปรุงอาหารให้สุกตามที่นิยม อย่างการต้ม นึ่ง ทอด ย่าง และเผา ยังมีผลต่อปริมาณไขมันของปลาด้วยเช่นกัน จากการวิจัยพบว่า ปลาดิบและปลาที่ทำให้สุกโดยการต้มและนึ่งทุกชนิดจัดว่าให้ค่าไขมันและพลังงานต่ำ แต่ถ้านำปลาเหล่านี้ไปย่างหรือทอดจะให้ไขมันและพลังงานที่สูงขึ้น เนื่องจากน้ำที่ระเหยหายไประหว่างการย่างและน้ำมันที่ถูกดูดซับเข้าไปในเนื้อปลาระหว่างการทอด ดังนั้น หากเราจะเลือกเมนูปลาครั้งหน้า โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักด้วยแล้ว อย่าลืมสังเกตทั้งชนิดของปลาและวิธีการปรุงกันก่อนรับประทาน
3. แร่ธาตุไอโอดีน ป้องกันเอ๋อเมื่อรับประทานปลาทะเล ร่างกายจะได้รับแร่ธาตุไอโอดีน ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันโรคคอพอกชนิดที่เกิดจากการขาดธาตุไอโอดีน เด็กที่กำลังเจริญเติบโตหากขาดแร่ธาตุชนิดนี้ โอกาสที่จะเป็นโรคเอ๋อหรือภาวะปัญญาอ่อนก็มีมากขึ้น และยังทำให้ร่างกายเจริญเติบโตช้า
4. แร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส เกราะป้องกันกระดูกการรับประทานปลาตัวเล็กตัวน้อย เช่น ปลาข้าวสาร ปลาฉิ้งฉั้ง รวมทั้งปลากระป๋อง อย่างปลาซาร์ดีน ที่รับประทานได้ทั้งเนื้อและก้าง จะช่วยเพิ่มธาตุแคลเซียมที่ได้จากกระดูกปลา ช่วยทำให้กระดูกและฟันของเราแข็งแรง อีกทั้งป้องกันโรคกระดูกพรุนและกระดูกหักง่ายได้ นอกจากนี้ การรับประทานปลายังได้วิตามินที่หลากหลาย ทั้งวิตามินเอและวิตามินดี (ซึ่งมีมากในน้ำมันตับปลา) รวมทั้งวิตามินบี 1 บี2 และไนอาซีน ถึงแม้จะมีในปริมาณเล็กน้อย แต่วิตามินเหล่านี้ล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายโดยเฉพาะสมองของเรา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการทำงานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกายให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ ถึงแม้ปลาจะมีคุณค่าและสารอาหารดีๆ มากมาย แต่สำหรับชาวชีวจิตก็เลือกรับประทานปลาในปริมาณที่พอเหมาะเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งหรือประมาณ 200 กรัมเท่านั้น เพื่อให้ร่างกายของเราได้สารอาหารที่ครบถ้วนเมื่อเราทราบถึงประโยชน์ของเนื้อปลาแล้ว วันนี้คุณมีเมนูสุขภาพที่ทำจากผลิตภัณฑ์จากเนื้อปลารึยังคะ โดยเฉพาะผลิคภัณฑ์จากเนื้อปลากราย นอกจากจะรสชาติอร่อยแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและไขมันต่ำอีกด้วย