Monday, February 26, 2007

ประวัติ แม่ศจี

ถ้าใครเป็นนักช้อปปิ้งตัวยง ชอบตระเวนซื้อของตามซูเปอร์ชั้นนำ ก็คงจะเคยผ่านตาลูกชิ้นปลากรายยี่ห้อหนึ่ง ยิ่งถ้าได้ซื้อไปลิ้มลองรสชาดด้วยแล้ว ก็คงจะรู้ซึ้งถึงรสชาติอันแสนอร่อยไม่แพ้ใคร หรือถ้าใครเป็นนักชิมลูกชิ้นตัวฉกาจชอบกินลูกชิ้นที่ไม่ว่าจะอยู่ในก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา แกงจืด แกงเขียวหวาน ต้มยำ หรือลวกจิ้ม ท่านจะรู้หรือไม่ว่าอาหารรสเด็ดเหล่านี้อาจจะมีบางจานใช้ลูกชิ้นปลากรายเจ้านี้ “ แม่ศจี ” หรือ นางจิตศจี วราหไพฑูรย์ เป็นสุภาพสตรีในวัย 59 ปีผู้ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านประสบการณ์ในการทำลูกชิ้นมาถึงกว่า 30 ปี เริ่มต้นจาก พ.ศ. 2519 แม่ศจีจะมาเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของการเริ่มทำธุรกิจลูกชิ้น จุดเริ่มต้น คือ “ เมื่อ 20 ปีก่อน บ้านแม่ยังอยู่ที่หนองกระโดน นครสวรค์ ยังรับจ้างเย็บผ้าอยู่ มีอยู่วันหนึ่งมีญาติคนหนึ่งมาเยี่ยมที่บ้าน ญาติคนนี้อยู่ที่จังหวัดอุทัยธานีทำลูกชิ้นเนื้อวัวขาย คุยกันไปคุยกันมา เขาก็ถามว่า อยากรวยเหมือนเขาหรือเปล่า เราก็บอกว่า อยากสิ เขาเลยบอกให้ไปฝึกทำลูกชิ้นกับเขาตั้งแต่นั้นมาเราก็ทำลูกชิ้นเนื้อวัวขายมาเรื่อยๆ ด้วยความมุมานะบากบั่น จนกิจการเจริญรุ่งเรือง ซื้อที่ซื้อทาง มีเงินมีทองเก็บ สร้างฐานะตัวเองได้” โด่งดังในจังหวัดนครสวรรค์ และ จังหวัดใกล้เคียง เมื่อได้ฟังเราก็เกิดความสงสัยขึ้นว่า ในเมื่อทำลูกชิ้นเนื้อวัวก็ประสบความสำเร็จดีอยู่แล้ว ทำไมถึงเปลี่ยนมาทำลูกชิ้นปลากราย แต่ก็อยู่กับความสงสัยนี้ได้ไม่นาน เพราะคุณแม่เฉลยว่า “คราวนี้พอทำลูกชิ้นเนื้อวัวนาน ๆ เข้า แม่ก็เกิดความรู้สึกไม่ดีที่ว่า วัวเป็นสัตว์ใหญ่ การฆ่าสัตว์ใหญ่นั้นเป็นบาปหนัก คือถึงแม้แม่จะไม่ได้เลี้ยงและเชือดวัวเอง แต่ก็สั่งให้ฟาร์มเขาเชือด ไม่ฆ่าก็เหมือนฆ่า ก็เลยปรารภกับคนใกล้ชิดว่าอยากจะเลิก แต่ไม่รู้จะเลิกอย่างไร คือ ทำมานานจนอยู่ตัวแล้ว เลิกแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร” คุณแม่เล่าว่า จนมาถึงปี พ.ศ. 2543 กระแสการบริโภคเนื้อวัวมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากวัวติดเชื้อแอนแทรกซ์(โรควัวบ้า) ธุรกิจที่เกี่ยวกับเนื้อวัวทุกอย่างเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ซึ่งก็รวมถึงลูกชิ้นเนื้อวัวของแม่ศจี ด้วย ขายไม่ออก ถึงขนาดต้องเอาไปเททิ้งน้ำ แล้วตอนนั้นแม่มีพระองค์หนึ่งที่นับถือมาก คือหลวงปู่จ้อย วัดศรีอุทุมพร ท่านทำนายไว้ว่าในอนาคตอันใกล้ แม่จะต้องเปลี่ยนไปทำการค้าอย่างอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกับของเดิมที่ทำอยู่ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนมาทำลูกชิ้นปลากรายแล้วก็ประสบความสำเร็จไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน” ซึ่งประสบความสำเร็จมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญที่สุดนั้นแม่ศจีบอกว่า “ความสด” ของปลากรายที่ใช้ทำ ต้องมาก่อนและในการผลิตนั้นจะไม่ผลิตไว้เผื่อขายมาก จะผลิตไว้เท่ากับปริมาณการสั่งซื้อเพื่อให้สินค้าที่ส่งไปวางขายในท้องตลาดเป็นสินค้าที่สดใหม่ ไม่ใช่สินค้าที่ค้างอยู่ในสต๊อกเป็นเวลานาน สินค้าอื่น ๆ ได้แก่ ลูกชิ้นไก่ ทอดมันปลากราย ทอดมันปลายอ ปลากรายยอ ไก่ยอ ลูกชิ้นปลาเห็ด(ลูกชิ้นทอดมัน) แหนมย่าง ซึ่งผลิตภัณฑ์ของแม่ศจี ได้มาตรฐานอาหาร ฮาลาลทุกชิ้น สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายนั้นกระจายส่ง กรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆตามซูเปอร์มาร์เกต เช่นโลตัส บิ๊กซี ท๊อปส์ จะไปส่งที่คลังสินค้าของแต่ละห้างที่อยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ แล้วคลังสินค้าเหล่านั้นก็จะกระจายสินค้าออกไปเอง เป้าหมายที่สำคัญในอนาคตคือการส่งสินค้าออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดของแม่ศจีในการประสบความสำเร็จคือ “แปลงคำสบประมาท คำนินทา คำด่า ให้เป็นกำลังใจที่จะต้องต่อสู้เพื่อลบล้างสิ่งเหล่านั้นให้ได้” สุดท้ายนี้ขอฝากลูกชิ้นปลากรายแม่ศจี ผลิตภัณฑ์คุณภาพฝีมือคนไทยไว้ด้วยครับ ของเขาอร่อยจริงๆ รางวัลชนะเลิศในการประกวดสินค้า OTOP ในหลาย ๆ งานทั่วประเทศ สามารถเป็นเครื่องรับประกันได้อย่างดี เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านและพลังใจที่แข็งแกร่งของผู้หญิงคนหนึ่งต่อสู้จนเป็นความภูมิใจของตัวเธอเองได้


No comments: